2551-06-30

10 วิธีเข็คร่างกายก่อนชำรุด


สัญญาณ 10 ประการที่ร่างกายคุณฟ้องว่าคุณทานอาหารไม่เหมาะสม ร่างกายของคุณเกิดมีปฏิกิริยาตอบกลับมาเป็นผดผื่น คัน ผิวหนังลอก
เป็นขุยแล้วล่ะก็ แสดงว่าคุณกำลังทานอาหารไม่ถูกต้องอยู่นะคะ วันนี้เราจึงนำสัญญาณ 10 ประการ ที่ร่างกายคุณฟ้องว่า คุณทานอาหารไม่เหมาะสมมาฝากกัน

1. ผิวหนังมีปัญหา

เช่น มีอาการคัน หรือลอกเป็นขุย แม้จะไม่ใช่ช่วงหน้าหนาว อาการเช่นนี้อาจเป็นลักษณะของการ ขาดวิตามิน A ผักและผลไม้ ที่มีสีเหลือง สีส้ม หรือสีเขียวเข้ม ล้วนแต่อุดมไปด้วยวิตามิน A เพียงพอที่จะทำให้ผิวคุณเป็นปกติ ไม่ควรทานวิตามิน A เสริมที่อยู่ในรูปแบบเม็ด เพราะการได้รับโดยตรงเช่นนี้มากเกินไปจะเป็นอันตรายได้

2. ผมไม่เงางาม
ในกรณีที่รุนแรง ผมของคุณจะไม่สามารถจัดทรงได้เลย เป็นผลมาจากการ ขาดโปรตีนและธาตุเหล็ก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เป็นมังสวิรัติ หรือคนที่จำกัดอาหารอย่างมาก ดังนั้นคุณจึงควรที่จะทานอาหารที่มีกากใยควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย ส่วนคนที่เป็นมังสวิรัติ ต้องได้สารอาหารจาก พืชผัก ข้าว และ ถั่ว ในอัตราส่วนที่เหมาะสม เพื่อที่จะได้โปรตีนทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ขาดไป และเพิ่มเติมด้วยกะหล่ำดอก และผลไม้เปลือกแข็ง เช่น เกาลัด ถั่วแขก และถั่วเหลือง ซึ่งอุดมไปด้วยไบโอติน


3. ท้องผูก
เป็นอาการที่กำลังบอกคุณว่า คุณต้องได้สารอาหารพวก ไฟเบอร์ หรืออาหารที่มีกากใย เช่น ผัก ผลไม้ ต่าง ๆ อย่างน้อยวันละ 25 กรัม และดื่มน้ำให้มากขึ้น! ด้วย

4. ผายลมบ่อย (ตด...เหม็น)

แม้ว่าไฟเบอร์จะมีประโยชน์ แต่ถ้ากินมากเกินไป หรือได้รับสารอาหารประเภทนี้เร็วเกินไป เช่น กินถั่ว หรือไม้จำพวกที่มีฝัก เช่น กระถิน ทองหลาง ร่างกายของคุณจะผลิตแก๊สตามออกมามากกว่าอาหารที่ย่อยง่ายตามปกติ วิธีแก้ปัญหาคือค่อยๆ เพิ่มสารอาหารพวกไฟเบอร์อย่างช้าๆ ถ้าคุณเคยกินแค่เพียงวันละ 10 กรัม อย่าผลีผลามเพิ่มเป็น 25 กรัมในวันรุ่งขึ้น ในสัปดาห์แรกเพิ่มแค่เพียง 5 กรัม แล้วสัปดาห์ต่อมาค่อยเพิ่มอีก 5 กรัม

5. ข้อต่อมีเสียงดังหรือปวดบริเวณข้อต่อ
อย่าเพิ่งไปโทษโรคข้ออักเสบ อาจเป็นไปได้ว่าคุณ กิน ปลาน้อยเกินไป กรดไขมันประเภท! โอเมก้า 3 ที่พบมากในปลา เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า จะทำให้ข้อต่อของคุณ เคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น ซึ่งจะช่วยให้กระแสโลหิตไหลเวียนดีขึ้น ลดอาการบวมและปวดบริเวณข้อต่อ

6. สเปิร์มน้อยลงไปมาก
ถ้าคุณกำลังพยายามที่จะมีลูกและมีปัญหาระดับของสเปิร์มต่ำกว่าปกติ อาจเป็นไปได้ว่าคุณ ขาดวิตามิน C ซึ่งเป็นตัวสำคัญในการกระตุ้นการทำงานระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย จากการศึกษาพบว่า วิตามิน C ยังช่วยในการรักษาปริมาณและความสมบูรณ์ของตัวสเปิร์ม ด้วย Earl Dawson, Ph.D., ที่ University of Texas Medical Branch ที่ Galveston แนะนำว่าให้ ผู้ชายดื่มน้ำส้มอย่างน้อยวันละประมาณ 1 ลิตรทุกวัน โดยบอกว่าวิตามิน C มีส่วนช่วยป้องกันสเปิร์มจากอันตรายและความเสียหายในทุกๆ ด้าน
7. หัวใจเต้นผิดปกติ
หัวใจของคนเราเป็นกล้ามเนื้อที่มีการบีบตัวมากกว่า 100,000 ครั้งต่อวัน คงไม่สามารถทำงานอย่างสมบูรณ์แบบได้ตลอดเวลา แต่ถ้าอยู่ๆ คุณรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ หรือเต้นๆ หยุดๆ โดยไม่มีเหตุผล ถ้ามีอาการเจ็บปวด หรือหน้ามืด เวียนศีรษะด้วย ให้รีบไปพบแพทย์ทันที แต่ถ้าแพทย์พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แต่หัวใจคุณก็ยังมีอาการเต้นผิดปกติในบางครั้ง คุณอาจจะขาดสารอาหารพวกแม็กนีเซียมหรือโปแตสเซียม สำหรับโปแตสเซียม ให้ดื่มน้ำส้มวันละ 2-3 แก้ว ช่วงอาหารเช้าให้เพิ่มกล้วยเข้าไปในส่วนหนึ่งของเมนู สำหรับแม็กนีเซียม ให้ทานอาหารว่างที่เป็นพวกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดทานตะวัน หรือเมล็ดฟักทอง และผักโขม เป็นอีกตัวหนึ่งที่มีแร่ธาตุช่วยในการทำงานของหัวใจ
8. ปวดเหงือก
ถ้าการเจ็บปวดเกิดจากการอักเสบก่อให้เกิดความเจ็บปวดและปัญหาของเหงือก แสดงว่าปากของ คุณกำลังต้องการแบคทีเรียที่มีประโยชน์ ให้มาช่วยจัดการกับแบคทีเรีย ในปากที่มีอันตราย ให้กินโยเกิร์ตที่มีแบคทีเรียที่เราต้องการเป็นอาหารว่างในช่วงเช้า ของทุกวัน
9. กระดูกแตก
ถ้ากระดูกคุณแตกมากกว่า 2-3 ครั้งตั้งแต่โตเป็นผู้ใหญ่ อาจเป็นไปได้ว่ากระดูกของคุณ อยู่ในภาวะอ่อนแอ อาจมีสาเหตุมาจากการขาดวิตามิน D และแคลเซียมซึ่งเป็นตัวประกอบ ที่สำคัญในการสร้างกระดูก ผู้ชายก็ต้องการแคลเซียมมากเหมือน ๆ ผู้หญิง เพราะผู้ชายมักจะกินเนื้อมากกว่า ซึ่งอุดมไปด้วยฟอสฟอรัสยิ่งร่างกายได้รับฟอสฟอรัสมากเท่าไร ก็ยิ่งต้องการแคลเซียมมากขึ้นเท่านั้น อาหารที่อดมไปด้วยแคลเซียม ได้แก่ ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแห้ง โยเกิร์ต นม และเนยแข็ง (ไขมันต่ำได้ก็ดี)
10. ขี้ลืม
อาจเป็นได้ว่าคุณขาดวิตามิน B ในการศึกษาที่ USDA Human Nutrition Research Center in Boston นักวิจัยพบว่าผู้ชายที่มีระดับของวิตามิน B 6 B 12 และ B folate สูงในเลือด จะมีความทรงจำที่ดีกว่า จากการทดสอบพบว่าสารอาหารพวกนี้ช่วยให้สมอง ทำงานได้เต็มที่ และยังช่วยควบคุม homocysteine ซึ่งเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง ที่อยู่ในร่างกาย ซึ่งเป็นตัวขัดขวางการที่เลือดจะไปหล่อเลี้ยงสมอง ถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน B 6 และโฟเลตมากที่สุด และไม่ต้องกังวลกับการขาดวิตามิน B 12 เพราะมีมากในเนื้อสัตว์และอาหารทะเล


หมั่นสังเกตตัวเองสักนิด แล้วจะรู้ว่าร่างกายของท่านเรียกร้องอะไร

2551-06-25


ไขปัญหา ความอยากกินเกินพิกัด

ความลับบางอย่างเกี่ยวกับการกิน ที่อาจช่วยให้คุณหยุดการสวาปาม พร้อมหยุดตัวเลขบนตาชั่งที่พุ่งขึ้นได้


Q : ทำไมฉันถึงอยากกินมากเฉพาะบางวัน


A : มันอาจเกี่ยวกับรูปแบบการกินที่ไม่แน่นอนของคุณ ถ้าคุณกินอาหารน้อยเกินไปร่างกายก็จะสร้างฮอร์โมนที่ชื่อว่าเกรห์ลิน (Ghrelin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นความอยากอาหารเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ แต่มันอาจใช้เวลาถึงสองวัน กว่าที่ผลของการงดมื้ออาหารจะปรากฏขึ้นจริงๆ หมายความว่าถ้าคุณงดอาหารกลางวันในวันจันทร์ คุณอาจรู้สึกหิวมากอย่างอธิบายไม่ได้ในวันพุธ

Q : ทำไมกินอาหารอิ่มแล้วจึงกินของหวานต่อได้ทุกที

A : มันเป็นเรื่องของความพึงพอใจต่อประสาทสัมผัสบางอย่าง ถึงคุณจะกินอาหารชนิดหนึ่งจนอิ่มแล้ว แต่ยังมีความอยากอาหารได้อีก เมื่อเห็นของใหม่อย่างอื่น กลไกนี้จะช่วยกระตุ้นให้คุณกินอาหารที่มีความหลากหลาย ผู้เชี่ยวชาญบอกเช่นนั้น แต่ในขณะเดียวกันมันก็อาจทำให้เกิดการกินอาหารมากเกินไปด้วย

Q : ทำไมเราถึงตื่นตอนเช้าด้วยความหิวโหย ทั้งที่กินอาหารมื้อใหญ่ไปเมื่อวานเย็น

A : อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงสามารถกระตุ้นให้ร่างกายคุณผลิตอินซูลินมากเกินไป เป็นเหตุให้น้ำตาลในเลือดลดลง และทำให้คุณรู้สึกหิวมากอีกครั้งหนึ่ง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมโปรตีนจึงเป็นหัวใจสำคัญในการควบคุมความหิว มันไม่ได้ทำให้เกิดอาการแบบเดียวกับเวลาที่กินอาหารแป้งมากเกินไป

Q : ทำไมเราจึงรู้สึกอิ่มมากกว่าหลังกินของว่างที่มีแคลอรีสูง เที่ยบกับของที่แคลอรี่ต่ำ

A : ความจริงแล้วร่างกายของคนเราไม่ได้รู้สึกต่อแคลอรีในทันทีทันใดเช่นนั้น แต่มันจะรู้สึกต่อปริมาณของอาหารที่คุณกินเข้าไป ดังนั้น อาหารซึ่งกินพื้นที่ในกระเพาะมากกว่า อย่างเช่น องุ่น 2 ถ้วย (220 แคลอรี) แทนที่จะเป็นลูกเกด 1 ถ้วย (493 (แคลอรี) จะทำให้คุณอิ่มกว่า ทั้งที่มีแคลอรีน้อยกว่า

Q : การดื่มน้ำหนึ่งแก้วก่อนอาหารช่วยให้คุณอิ่มเร็วขึ้นจริงหรือเปล่า

A : ไม่ การศึกษาแสดงให้เห็นว่า การดื่มน้ำไม่ได้ลดจำนวนการกินของคุณ แต่ อาหารที่มีน้ำสูง เช่น ซุป ผลไม้ หรือผัก สามารช่วยให้คุณรับแคลอรีน้อยลงได้เพราะมันทำให้อิ่มมากกว่า และเมื่อนับแคลอรีต่อแคลอรี มันมีแคลอรีน้อยกว่าอาหารแห้งๆ

2551-06-19

7วิธีใช้บัตรเครดิตอย่างปลอดภัย




7 วิธีใช้บัตรอย่างปลอดภัย

โจรยุคนี้ไม่เพียงจ้องเงินสดในกระเป๋าของคุณเพียงอย่างเดียว บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด ต่างก็เป็นของล่อตาล่อใจไม่แพ้กัน ดังนั้นมาเรียนรู้วิธีใช้บัตรอย่างปลอดภัยกันดีกว่า

1. เก็บบัตรเหมือนเงินสด เนื่องจากโจรร้ายสามารถใช้วิธีคัดลอกข้อมูลจากบัตรของคุณได้ และสามารถนำไปกดหรือรูดแทนเงินสดทันที (skimming) เผลอๆ โจรที่ได้บัตรไปอาจจะทำให้คุณเสียหายมากกว่าการโขมยเงินสดไปเสียอีก


2. เซ็นชื่อหลังบัตรทันที เพื่อให้พนักงานทางร้านสามารถเปรียบเทียบได้ว่า ลายเซ็นหลังกับลายเซ็นในสลิปตรงกันหรือไม่ และแสดงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน


3. จดหมายเลขบัตรเครดิต เผื่อฉุกเฉินบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเครดิตของคุณหาย เพื่อจะได้แจ้งอายัดบัตรได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและแจ้งความไว้เป็นหลักฐานให้เร็วที่สุด


4. พาสเวิร์ดขั้นเทพ อย่าตั้งรหัสส่วนตัวเป็นตัวเลขที่ผู้อื่นคาดเดาได้ง่าย เช่น พ।ศ। เบอร์โทรศัพ

วันเกิด เพราะอาจจะเป็นบุคคลใกล้ตัวที่โขมย หรือโจร อาจจะได้ข้อมูลจากกระเป๋าสตางค์ของคุณได้



5. ห้ามบอกหมายเลขบัตร มิจฉาชีพมักปลอมตัวเป็นธนาคาร โทรศัพหรืออีเมลมาสอบถามหลอกล่อให้คุณบอกหมายเลขบัตรเครดิต ซึ่งคุณห้ามบอกเด็ดขาดเว้นแต่จะเป็นการติดต่อจากคุณเข้าไปหาธนาคารเอง


6. เช็กสลิปราคา ตรวจสอบยอดเงินจากสลิปและราคาสินค้าก่อนที่จะเซ็น เพราะบางครั้งพนักงานทางร้านแอบกดยอดเงินเกิน ยามที่คุณไม่รู้ตัวและเฝ้ามองการรูดบัตรของพนักงานทุกขั้นตอน อย่าปล่อยให้พนักงานนำไปรูดในมุมที่มองไม่เห็น


7. ตรวจบัตรก่อนรับคืน

2551-06-17

แสงจากคอมพิวเตอร์ อีกปัญหาผิวหมอง

แสงจากคอมพิวเตอร์ อีกปัญหาผิวหมอ

ฝ้า กระ และริ้วรอยเหี่ยวย่น เป็นปัญหากวนใจของสาว ๆ มาทุกยุคทุกสมัย
บางคนไม่มีความรู้ ใช้วิธีรักษาและเลือกผลิตภัณฑ์ไม่ถูกต้อง ทำให้ผิวหน้าเสีย
และหมองคล้ำไปกันใหญ่


ล่าสุด สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ผุดกิจกรรม
"สมุท อี เวิร์กช็อป:ห่วงใยผิวขาว ของสาวผิดสวยเนียนใส" โดยเชิญ
।วิญญารัตน์ ตันศิริ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและผิวพรรณ มาให้ความรู้วิธีดูแลรักษาผิวหน้า
อย่างถูกวิธี โดย พญ।วิญญารัตน์เริ่มเปิดฉากถึงต้นเหตุของริ้วรอยแสงแดด ถือเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวหน้าเกิดฝ้า กระและริ้วรอย ส่วนกรรมพันธุ์,ฮอร์โมน,ไฟสปอตไลท์ หรือแสงไฟจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก็ถือเป็นสาเหตุให้ผิวหน้าหมองคล้ำได้เช่นกัน ซึ่งการดูแลนั้นค่อนข้างยาก บางคนรักษาไม่หาย



ดังนั้นเราควรเน้นการป้องกันจะดีกว่า วิธีที่ดีที่สุดคือ ทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง ดื่มน้ำให้มาก อย่านอนดึกเด็ดขาด ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญต้องเลือกใช้ครีมบำรุงผิวให้ถูกวิธี โดยพิจารณาจากความน่าเชื่อถือ ส่วนผสมต้องมีระบุอย่างชัดเจน

สาวออฟฟิตทั้งหลายทราบอย่างนี้แล้วก็อย่านิ่งนอนใจว่าอยู่แต่ในห้องแอร์จะไม่มีปัญหาหน้าหมองนะค่ะ
ยังไงกันไวดีกว่าแก้ค่ะ

2551-06-10

แปลกแต่จริง



ชายอุ้มท้องแทนเมียเตรียมคลอดลูกอีก 4สัปดาห์ข้างหน้า

โดย คม ชัด ลึก
วัน จันทร์ ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551 11:13 น.


ตะลึง ! หญิงแปลงเพศชาวมะกัน อุ้มท้องแทนเมีย เตรียมคลอดลูกสาว
ออกมาดูโลกในอีก4 สัปดาห์นี้ เจ้าตัวสุดตื้นตัน หลังอัลตราซาวนด์ครั้งแรก
ขอเล่าเรื่องราวให้ลูกฟังทั้งหมดเอง เผยวางแผนมีลูกเพิ่มอีกในอนาคต
ขณะที่นักจิตวิทยา-นักวิชาการไทยไม่ห่วง ชี้เป็นเพศไหนก็ได้ หากดูแลลูกได้



ถือเป็นรายแรกของโลกก็ว่าได้ เมื่อผู้หญิงที่แปลงเพศเป็นชายตั้งท้องเตรียมคลอดลูกสาว
ในไม่กี่วันข้างหน้านี้ หนังสือพิมพ์นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ของอังกฤษ
รายงานเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ว่าเกิดเรื่องพิสดารขึ้น เมื่อผู้หญิงแปลงเพศชื่อ "โทมัส บีตตี้"
ซึ่งอุ้มท้องแทน"นางแนนซี" ผู้เป็นภรรยาและกำลังมีครรภ์แก่ใกล้คลอดในอีก 4 สัปดาห์
ภาพ : ประกอบจากอินเทอร์เน็ตไม่เกี่ยวกับข่าวชายอุ้มท้องแทนเมียเตรียมคลอดลูกอีก 4สัปดาห์ข้างหน้า

จนอาจเรียกได้ว่าเป็นผู้ชายคนแรกของโลกที่อุ้มท้อง และคลอดลูกด้วยตนเอง
เพราะถ้ามองจากภายนอกแล้วนายโทมัสผู้นี้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับผู้ชายทั่วไปไม่มีผิดเพี้ยน
เพราะมีทั้งหนวดและเคราครึ้ม รวมถึงกล้ามเนื้อ และรูปร่างกำยำล่ำสัน ไม่ต่างจากผู้ชายคนอื่นๆ

ตะลึงหนุ่มแปลงเพศตั้งท้อง

นายโทมัส ปัจจุบันอายุ 34 ปีแล้ว ให้สัมภาษณ์พิเศษแก่ "นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์"
ถึงการได้อุ้มท้อง ลูกว่ารู้สึกยอดเยี่ยมมาก
ตนและภรรยาแทบจะทนรอไม่ไหวที่จะได้เห็นหน้า และอุ้มลูกสาวโดยพูดคุย
ถึงเรื่องนี้กันอยู่ทุกวัน ตอนนี้เตรียมทุกอย่างสำหรับลูกไว้พร้อมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเนิร์สเซอร
ี ผ้าอ้อม ห้องนอน รวมถึงชื่อก็ตั้งเอาไว้แล้วเช่นกัน แต่ยังอุบเงียบเอาไว้ก่อน
ที่สำคัญทั้งคู่ยังได้วางแผนเอาไว้ว่าจะมีลูกกันอีก ภายหลังจากที่คลอดลูกคนนี้แล้ว
แต่จะรอดูประสบการณ์ก่อนว่าการมีลูกคนแรกเป็นอย่างไ รแล้วค่อยคิดเรื่องนี้ใหม่อีกหน

รายงานข่าวแจ้งว่า ในวัยเด็ก นายโทมัส ซึ่งมีชื่อว่า "เทรซี ลากอนดิโน"
เป็นเด็กสาวที่สวยมาก และมีตำแหน่งเป็นถึงนางงามวัยรุ่นของฮาวายเลยทีเดียว
เขาตัดสินใจแปลงเพศเมื่อ 10 ปีที่แล้ว โดยตัดเต้านมทิ้ง แต่ยังคงเก็บมดลูกและรังไข่เอาไว้
ทำให้สามารถตั้งท้องแทนภรรยาได้ เพราะนางแนนซี วัย 45 ปี มีปัญหาต้องตัดมดลูกทิ้ง
เมื่อถึงเวลาที่จะมีลูก โทมัสได้หยุดกินฮอร์โมนเพศชายที่เริ่มกินมาตลอด
หลังจากแปลงเพศ เพื่อรังไข่จะสามารถผลิตไข่ได้อีกครั้ง

นายโทมัสเคยตั้งท้องลูกแฝดมาก่อนหน้านี้แล้วครั้งหนึ่ง โดยครั้งนั้นใช้สเปิร์มที่มีผู้บริจาคให้
แก่ธนาคารสเปิร์ม ด้วยการที่แนนซีเป็นคนผสมเทียมให้แก่ผู้เป็นสามี
โดยใช้กระบอกฉีดยาพิเศษที่ขอมาจากสัตวแพทย์ที่คอยรักษานกที่เลี้ยงเอาไว้ในบ้านมาฉีด
น้ำเชื้อเข้าไป ในร่างกายของโทมัส เพราะคลินิกไม่ยอมผสมเทียมให้ทั้งคู่
เพราะมองว่าเป็นกรณีที่ไม่เหมือนคนปกติทั่วไป แต่โชคร้ายที่โทมัสตั้งครรภ์ในตำแหน่งที่
ี่ผิดปกติทำให้แท้ง แต่ความพยายามครั้งที่สองของพวกเขาสำเร็จ
และลูกก็จะลืมตาออกมาดูโลกด้วยการผ่าท้องโดย นพ.คิมเบอร์ลี เจมส์ ในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้

น่าสนใจว่า เรื่องที่นายโทมัสตั้งท้องแทนภรรยา ซึ่งมีปัญหาไม่สามารถอุ้มท้องเองได้นั้น
เคยกลายเป็นประเด็นความขัดแย้งไปทั่วโลกก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งในเรื่องของศีลธรรม
และในเรื่องของสุขภาพของเด็กที่จะตามมา แต่ภายหลังจากที่เวลาผ่านมาจนนายโทมัส
มีอายุครรภ์แก่ถึง 8 เดือนแล้วนั้นเจ้าตัวก็อธิบายว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างยอดเยี่ยมมาก
ตัวเองโชคดี เพราะไม่เคยเกิดอาการไม่สบายเนื้อสบายตัวหรือความเจ็บไข้ได้ป่วยตามมาจาก
การตั้งครรภ์เลย นายโทมัสกล่าวว่า หลังรู้ว่าตั้งท้องก็เข้าไปหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ก็พบว่า
ผู้หญิงส่วนใหญ่จะปวดหลังเวลาอุ้มท้อง แต่สำหรับตัวเองแล้วกลับไม่เคยมีปัญหานี้เลย

"ตอนที่แนนซีกับผมเห็นภาพสแกนของลูกครั้งแรกๆนั้น ช่างเป็นประสบการณ์ที่เต็มตื้นอย่างมากจนเราไม่แคร์ว่าใครจะพูดถึงเราอย่างไรบ้าง
การได้เห็นหน้า ริมฝีปาก และร่างกายของลูกทำให้การปฏิบัติที่ไม่ดีทั้งหมดทั้งมวลที่พวกเรา
เคยได้รับมากลายเป็นเรื่องที่ไม่มีคุณค่าอะไรเลย
นายโทมัส ซึ่งจะกลายเป็นบุรุษเพศคนแรกของโลกที่ตั้งครรภ์ด้วยตนเอง
กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนจะตบท้ายว่า "เราตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ว่าเราจะมีลูกด้วยกัน
รวมถึงเรื่องที่ผมไม่ได้ตัดอวัยวะในการตั้งครรภ์ทิ้ง ความต้องการมีลูกนั้นไม่ใช่แค่ความต้องการ
ของผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่เป็นความต้องการของมนุษย์"

นายโทมัสยังกล่าวด้วยว่า เมื่อลูกโตขึ้นจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ลูกฟังด้วยตัวเอง
พร้อมย้ำว่า ลูกเกิดมาจากความรักอันมากล้นของพ่อแม่ และกว่าที่ลูกจะมายืนอยู่ตรงนี้ได
้ต้องเอาชนะความประหลาดมากมาย ทั้งอุปสรรคทางร่างกาย อุปสรรคทางสังคม และทุกๆ อย่าง
จนกว่าจะมาถึงจุดนี้

นักจิตวิทยาเชื่อไร้ปัญหาหากดูแลได้

เรื่องนี้ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
ให้ความเห็นว่า เรื่องบทบาทพ่อแม่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเด็ก
เด็ก
ที่เกิดมาไม่มีพ่อแม่ เช่น เด็กที่ถูกทอดทิ้งตามสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า
แล้วมีผู้มารับไปเลี้ยงดู หรือที่เรียกว่า เป็นพ่อแม่ทดแทน
หากสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดีก็ไม่มีปัญหาอะไร ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเพศไหน
ก็ทำให้เด็กเจริญเติบโตในพัฒนาการปกติได้

นพ.ทวีศิลป์กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันมีเรื่องของการอุ้มบุญ
ซึ่งน่าจะมีผลกระทบบ้าง แต่ยังไม่มีการศึกษาในระยะยาวว่าเด็กจะเกิดความสับสนในตัวพ่อแม่
ที่แท้จริงหรือไม่รวมทั้งพ่อแม่ที่ยังไม่แน่ใจในเพศของตัวเองด้วย กรณีหญิงแปลงเพศเป็นผู้ชาย
แล้วตั้งท้องนี้ หากไม่มีการวางแผนเลี้ยงดูเอาไว้ล่วงหน้า หรือเลี้ยงดูโดยไม่รู้หลักจิตวิทยา
ก็อาจจะมีปัญหาได้เช่นกัน

"ถ้าตัวเขามีคู่เป็นผู้หญิง การแสดงบทบาทของพ่อและแม่อาจจะชัดเจนขึ้น เมื่อคลอดแล้ว
ก็มีผู้หญิงอีกคนมาดูแล ป้อนนม เด็กก็เติบโตขึ้นมาได้ อยากให้เขาบอกลูกทุกอย่าง
ไม่เช่นนั้นเด็กอาจจะสับสนได้ แต่ก็ต้องรอเวลาให้เขาโตขึ้นก่อน เด็กทุกคนอยากรู้ถึงต้นตอ
ที่มาของเขาทั้งนั้น" นพ.ทวีศิลป์กล่าว

กลุ่มหญิงรักหญิงเห็นต่างกัน

ตัวแทนกลุ่มหญิงรักหญิงในเมืองไทย แสดงความเห็นเรื่องนี้แตกต่างกันไป อย่างเช่น
น.ส.พรรณพิลาศ หนึ่งในตัวแทนดี้หรือหญิงที่มีแฟนเป็นเพศเดียวกัน กล่าวว่า
"เป็นเรื่องยิ่งใหญ่และน่ายกย่อง เมื่อผู้แปลงเพศเป็นผู้ชายแล้วยังยอมเสียสละตั้งท้อง
แทนฝ่ายหญิง" แสดงว่าทั้งคู่วางแผนเป็นอย่างดี มีทั้งความรักและความอบอุ่น
อยากมีครอบครัวที่พร้อมด้วย พ่อแม่ลูกเหมือนคนปกติทั่วไป อยากเรียกร้องให้สังคม
อย่ามองคนแค่เรื่องเพศเพราะทุกวันนี้คนไทยส่วนใหญ่จะมองแต่ว่าเพศของตัวเองยิ่งใหญ่และ
ถูกต้อง ไม่เคารพสิทธิในการเลือกเพศของผู้อื่นหากกังวลว่าเด็กที่เกิดมาจะมีจิตใจผิดปกติแล้ว
ก็ขอให้ศึกษาประวัติของฆาตกรโรคจิต หรือคนจิตวิปริตส่วนใหญ่ว่าเกิดมาจากครอบครัว
ที่มีพ่อเป็นผู้ชายแท้และแม่ก็เป็นผู้หญิงแท้ทั้งนั้น
ดังนั้นจึงไม่ควรตัดสินว่าเด็กที่เกิดมาจากครอบครัวรักเพศเดียวกันจะต้องมีความผิดปกติหรือ
แตกต่างจากเด็กทั่วไป

น.ส.นุช นักธุรกิจวัย 30 ปีเศษ ที่แสดงตัวเป็นทอม ไม่เห็นด้วยกับผู้หญิงที่แปลงเพศเป็นผู้ชาย
แล้วยังอยากจะมีลูก เพราะถ้าเป็นผู้ชายแล้วก็ควรให้ภรรยาตั้งท้อง
หากภรรยาตั้งท้องไม่ได้ก็ควรหาเด็กกำพร้ามารับอุปการะผู้ที่มีรูปร่างหน้าตาเป็นผู้ชายแล้ว
ไม่ควรเดินอุ้มครรภ์ไปมา ไม่ควรทำให้สังคมสับสนวุ่นวายไปมากกว่านี้
ี้ เนื่องจากยังมีคนภายนอกบางกลุ่มที่รังเกียจและไม่ชอบกลุ่มผู้หญิงที่ทำตัวเป็นทอมอยู่แล้ว
ยิ่งได้เห็นเรื่องแบบนี้ก็จะยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้น"นอกจากอยากมีลูกแล้ว ก็มองได้ว่า คนนี้อยากดัง
หรือต้องการเป็นผู้ชายตั้งท้องคนแรกของโลก จะได้ลงกินเนสส์บุ๊ก หรือโชว์ว่าเป็นคนดัง
ที่ทำเรื่องนี้เป็นคนแรกของโลก" น.ส.นุชให้ความเห็น

น।ส।ฉันทลักษณ์ รักษาอยู่ ตัวแทนกลุ่มอัญจารี ซึ่งทำงานสนับสนุนและปกป้องสิทธิของหญิงรักหญิง

และคนรักเพศเดียวกัน มองว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ควรตื่นตระหนกเพราะปัจจุบันมีเด็กเกิดมา
ในครอบครัวที่พ่อแม่เป็นชายรักชายหรือหญิงรักหญิงอยู่จำนวนมากและก็มีงานวิจัยยืนยันว่า
เด็ก
กลุ่มนี้ไม่ได้มีความผิดปกติหรือแตกต่างไปจากเด็กที่เกิดจากครอบครัวทั่วไป
ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กที่เปิดกว้าง สามารถเรียนรู้เรื่องความแตกต่างทางเพศ

นักวิชาการมั่นใจเด็กไม่มีปัญหา

ในส่วนความเห็นของ น.ส.เคทลิน เจ้าของเว็บไซต์ "บางกอกเลสเบี้ยนดอทคอม"
www.bangkoklesbian.com ที่มีการรวมกลุ่มหญิงรักหญิงทั้งชาวต่างชาติและคนไทย มองว่า
เมื่อคนสองคนอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวแล้วต้องการมีลูก ก็ไม่น่าจะมีปัญหาว่าคนสองคนเป็นเพศ
อะไร ส่วนเด็กที่เกิดมาด้วยความพร้อมและความรักของคนทั้งคู่ ก็จะถูกเลี้ยงดูให้เติบโตอย่าง
มีคุณภาพ แต่ต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมที่เลี้ยงดูเด็กด้วย
ควรเป็นชุมชนที่มีใจเปิดกว้างไม่มีความคิดโบราณปิดกั้นเสรีภาพของคนอื่น

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าครอบครัวนี้ทำเพื่ออยากดังนั้น ถือเป็นความคิดที่มองโลกในแง่ร้ายมาก
เชื่อว่าพวกเขาทำเพราะอยากมีลูก มีครอบครัวเหมือนคนปกติทั่วไปเท่านั้น อยากให้สังคมไทย
เข้าใจว่าคนที่ผ่าตัดแปลงเพศเป็นชาย หรือผ่าตัดแปลงเพศเป็นหญิงนั้น
ที่เรียกกันว่า "ทรานสเจนเดอร์"
ก็เพราะพวกเขาคิดว่าตัวเองเกิดมาในร่างกายที่ไม่ใช่ของตัวเอง
และอยากเปลี่ยนแปลงร่างกายให้เป็นเหมือนจิตใจ
ของพวกเขาเท่านั้นเอง เชื่อว่าเด็กที่เกิดมาในครอบครัวนี้จะไม่มีความสับสนในชีวิต
และจะมีความรู้ในเรื่องความหลากหลายทางเพศมากกว่าผู้ใหญ่ที่ยังยึดติดกับความคิด
คับแคบแบบเก่าๆ
ชายอุ้มท้องแทนเมียเตรียมคลอดลูกอีก 4สัปดาห์ข้างหน้า
ภาพ : ประกอบจากอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวกับข่าว


หมอยืนยันผู้ชายแท้ท้องไม่ได้ เหตุเพราะไม่มีรังไข่เช่นหญิง

(9มิ.ย.) กรณีนายโทมัส บีตตี้ ผู้หญิงที่แปลงเพศเป็นชายตั้งท้องรายแรกของโลก
ซึ่งจะคลอดลูกในอีก 4 สัปดาห์หน้า น.พ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ สูตินารีแพทย์ ให้ความเห็นว่า
ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะนายโทมัสเป็นผู้หญิงที่แปลงเพศเป็นผู้ชาย
แต่ยังเก็บมดลูกและรังไข่เอาไว้แล้วกินฮอร์โมนเพศชาย
ทำให้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนผู้ชายทั่วไป ดังนั้นโดยสภาพฮอร์โมนโทมัส
ก็คือผู้ชาย แล้วตัดแต่งอวัยวะให้เป็นผู้ชาย แล้วไปแต่งงานกับนางแนนซี ซึ่งเป็นผู้หญิงจริงๆ
แต่นางแนนซี ท้องไม่ได้เพราะมีปัญหาต้องตัดมดลูกทิ้ง นายโทมัสจึงตัดสินใจตั้งท้องเอง
เวลาตั้งท้องจึงไปใช้อสุจิของผู้บริจาคและน่าจะปฎิสนธิกับไข่ของนางแนนซี แล้วใส่กลับเข้าไปในมดลูก ของโทมัสแต่ครั้งนั้นไม่ท้อง โทมัสจึงตัดสินใจจะใช้ไข่ของตัวเอง
เพราะโทมัสเป็นผู้หญิงพอหยุดใช้ฮอร์โมนเพศชายใช้ทำให้สรีระร่างกายกลับมาเป็นผู้หญิงเหมือนเดิม
ทำให้รังไข่กลับมาทำงานเหมือนเดิม

"เรื่องนี้ไม่น่าตื่นเต้นเพราะเป็นเรื่องผู้หญิงตั้งท้องตามปกติ ถ้าใครเคยดูภาพยนตร์ที่อาโนชวาสเนกเกอร์แสดง เรื่อง ทวิน ที่ตั้งท้อง
ซึ่งการตั้งท้องลักษณะดังกล่าวเรียกว่าท้องนอกมดลูก ซึ่งผู้หญิงก็เคยเกิดลักษณะดังกล่าว
เวลาปฎิสนธิแล้วในท่อนำไข่แทนที่มันจะไหลย้อนกลับไปยังท่อรังไข่ผู้หญิง
แต่กลับไปตกพังผืดในท้องถ้ามีเลือดไปเลี้ยงก็โตได้เหมือนกัน
เราเคยเจอในผู้หญิงที่ตั้งท้องนอกมดลูกแบบนี้
แล้วท้องเกือบ 30 อาทิตย์เอาออกมาก็รอด" นายแพทย์สูตินารี กล่าว

น.พ.พันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ชายจริงๆ ท้องไม่ได้เด็ดขาด ถ้าไม่มีวิธีพิเศษช่วยก็ตั้งท้องไม่ได้
เพราะผู้ชายไม่มีมดลูก แต่ผู้หญิงเวลาแปลงเพศเป็นผู้ชาย จะแปลงเพศได้ 2 อย่าง
คือ 1.ตัดทิ้งหมดทุกอย่างทั้งมดลูกรังไข่แล้วทำอวัยวะเทียมข้างนอกให้เป็นผู้ชาย
กรณีนี้ให้ฮอร์โมนเพศชายไม่สูงนัก และกรณีโทมัสรังไข่ยังอยู่เข้าใจว่าแปลงเพศเป็นผู้ชายเสร็จแล้ว
ก็ให้ฮอร์โมนเพศชายมากๆ ถึงมีหนวด มีเครา แต่อวัยวะภายในเพศหญิงยังอยู่ยังไม่ตัด

ส่วนกรณีที่ผู้ชายอยากอุ้มท้อง พันธ์ศักดิ์ บอกว่า ก็สามารถทำได้เป็นกรณีพิเศษ
คือ นำอสุจิของผู้ชายแท้ ไปผสมกับไข่ของผู้หญิง โดยผสมข้างนอกที่เรียกว่าเด็กหลอดแก้ว
เสร็จแล้วไม่มี มดลูกจะฝังก็จะเจาะท้องฝังไว้ที่พังผืดที่เรียกว่าไขมัน
เพราะพวกนี้จะมีเลือดมาเลี้ยงมาก แต่ระหว่างที่มันโตขึ้นก็ต้องรู้ถุงที่เลี้ยงเด็กไม่มีกล้ามเนื้อมดลูกแข็งๆ
มาปกป้องไว้เวลาท้องอาจจะแตกได้ เวลาแตกก็จะตกเลือดในท้องซึ่งอันตราย
อาจตายได้ถือว่าทฤษฎีเป็นไปได้ แต่ความเป็นจริง คงไม่มีใครกล้าทำการเอารังไข่
ไปฝังในตัวผู้ชายก็ไม่เกิดประโยชน เพราะสเปิมเข้าไปเจอไม่ได้
เนื่องจากธรรมชาติผู้หญิงช่องคลอดจะต่อกับมดลูก จะมีท่อนำไข่ยื่นยาวไปเจอรังไข่ ทุกเดือน
รังไข่ก็จะตกไปยังท่อนำไข่ เวลามีเพศสัมพันธ์ตัวอสุจิจะว่ายผ่านมดลูกไปเจอกันที่ท่อนำไข
่เมื่อปฎิสนธิแล้วจะย้อนกลับไปฝังในมดลูกรังไข่ฝังเข้าไปก็แค่ทำให้มีฮอร์โมนเพศหญิงไข่ตกเท่านั้นท้องไม่ได้ ต้องมาผสมข้างนอก ซึ่งผู้ชายแท้ตั้งท้องแพทย์ก็คงไม่แนะนำ ถ้าทำให้ไม่เมาก็บ้า

ส่วนเรื่องเสียงวิจารณ์เรื่องความเหมาะสม นพันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า
เทคโนลียีมันทำได้ เวลาตัดสินใจอะไรจะมองว่าเหมาะสมหรือไม่
แต่ละคนมองคนละมุม ถ้าคนมองอีกมุมก็จะมองว่าก ็โทมัสแปลงเพศเป็นผู้ชายแล้วทำไม
อยากจะมีลูกอีก แต่ถ้ามองแบบเห็นอกเห็นใจกันคู่นี้มีลูกไม่ได้
เพราะฝ่ายหญิงคือแนนซี มีปัญหาต้องตัดมดลูกทิ้ง
เมื่อโทมัสมีมดลูกอยู่ตัวเองตั้งท้องก็สามารถทำได้ แต่ท้ายที่สุดถ้าไม่ผิดศีลธรรมจรรยาและไม่ได้ผิดกฎหมายแล้วคนที่ทำ
ทำเพราะรู้ ไม่ถูกหลอกก็เป็นสิทธิของเขาตามรัฐธรรมนูญของประเทศนั้นๆ
สำหรับกรณีทองกับดี้ ถ้าจะท้องก็สามารถไปให้แพทย์ดำเนินการได้ตามปกต
ิ ในส่วนของต่างประเทศจะแจ้งจดทะเบียนให้พ่อคือคนเป็นทอม
แต่กรณีของประเทศไทยยังทำไม่ได้
ถ้าเด็กเกิดมาจะไม่มีพ่อมีแต่แม่อย่างเดียว
ในต่างประเทศจะมีผู้หญิงโสดตั้งท้องโดยใช้ชื่อญาติ เช่น พี่ชาย เป็นพ่อ



ภาพ : ประกอบจากอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวกับข่าว
ถ้าเป็นผู้ชายเอา


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...